วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิธีตรวจสอบมือถือ ใช่ไหมสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ

วิธีตรวจสอบมือถือ หรือไม่ก็สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ซื้อทุกคนควรรู้
เผลอหน่อยเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2014 กันแล้ว ซึ่งก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจัก, สมาร์ทโฟน ไม่ก็แท็บเล็ต ในช่วงปลายปีแบบนี้ เพราะมักเป็นช่วงที่บรรดาผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ มักจะแข่งขันกันเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นดีๆ สนนราคาโดนๆ มากเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี
แต่อย่างไรก็ดี นอกจากการตรวจสอบคุณสมบัติ พร้อมทั้งค่าจำหน่าย ให้ตรงกับความต้องการของเราแล้ว สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรทำก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้กับร้านค้าก็ คือ การตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวสินค้าอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ภายนอกกล่อง ไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใน เพื่อให้สมาร์ทโฟน พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราตั้งใจซื้อมาใช้งาน มีสภาพที่สมบูรณ์เต็ม 100% นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ นั้นก็ไม่ยาก ทุกท่านทำเป็นทำตามได้อย่างแน่นอน ลองไปติดตามกันได้เลยครับ
ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบสภาพกล่อง
เมื่อ เราตกลงใจเเลื่องกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวแล้ว ก็มาตั้งต้นที่การเช็คสภาพกล่องกันก่อน เพราะสภาพกล่องจักต้องไม่มีร่องรอยการแกะ เหรอบุบเสียหายก่อนจะถึงมือเรา
ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบสภาพตัวเครื่อง
มาต่อกันที่ตัวเครื่อง คราวทำการแกะกล่องเรียบร้อยแล้วเราก็มาตรวจสอบสภาพตัวเครื่องว่ามีร่องรอย ในการตกหล่น, รอยขีดข่วน ใช่ไหมรอยถลอกของตัวเครื่องบ้างไม่ใช่หรือไม่ เพราะผู้ใช้งานควรจะตรวจสอบทั้งตัวเครื่อง ไม่ว่าจักเป็นหน้าจอ, ขอบตัวเครื่องทั้งด้านบน-ล่าง พร้อมทั้งซ้าย-ขวา ถ้าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นรอบรู้ถอดฝาหลังได้ ก็ควรจะแกะฝาหลัง พร้อมทั้งตรวจสอบด้านใน พร้อมตรวจสอบแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่อง
เพราะด้วยอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่องนั้น สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันออกไป บ้าง แต่โดยพื้นฐานทั่วไปแล้วจักประกอบไปด้วย สายหูฟังแบบสเตอริโอ, อะแดปเตอร์เพราะการชาร์จแบตเตอรี่, สาย microUSB เพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์, คู่มือการใช้งาน กับใบรับประกัน ซึ่งส่วนนี้จะสำคัญมากเป็นพิเศษ ดังนั้นผู้ใช้งานควรจะตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันอย่างละเอียด
ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจสอบคลื่นความถี่ 3G ไม่ก็ 4G
ก่อนผู้ใช้งานจักเฟุ้งเฟื่องกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ก็คงจักตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนนั้นรองรับคลื่นความถี่ที่เราใช้ได้หรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดเราก็ต้องมาตรวจสอบกันให้ดี ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จักรองรับการใช้งาน 3G แต่สมาร์ทโฟนบางรุ่นจักรองรับคลื่นความถี่แตกต่างกัน เพราะความถี่ 3G ของแต่ละเครือข่ายในประเทศไทยจะเป็นดังนี้คือ เครือข่าย AIS ใช้คลื่นความถี่ 900/2100 MHz, เครือข่าย dtac ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz และเครือข่าย TrueMove H ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz

จนถึงตรวจสอบความถี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลองนำซิมการ์ดใส่เข้าไปที่ตัวเครื่อง พร้อมด้วยเปิดหนังสือสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมกับเปิดโหมดเชื่อมต่อข้อมูล และตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตสร้างผ่านเว็บเบราว์เซอร์ รวมไปถึงชิงชัยการโทรเข้า พร้อมกับโทรออก ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่่ 5 : ตรวจสอบหมายเลข IMEI
ในการตรวจสอบรหัส IMEI นั้นมีหลายวิธี โดยเบื้องต้นแล้วเราทำเป็นตรวจสอบได้จากข้างกล่อง กับนำมาเปรียบเทียบกับเลข IMEI บนเครื่อง โดยสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่เลข IMEI จะอยู่ด้านในใต้แบตเตอรี่ ซึ่งเราสามารถแกะฝาหลัง พร้อมทั้งนำแบตเตอรี่ออกได้ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนที่ไม่เป็นได้แกะฝาหลังได้นั้น เลข IMEI จะถูกติดไว้ที่หลังของตัวเครื่อง รวมไปถึงการใส่รหัสพิเศษเพื่อตรวจเช็คเลข IMEI ก็เป็นได้ทำได้เช่นกัน เพราะเข้าไปที่โหมดการโทร กับกดรหัส *#06# แค่นี้เลข IMEI ก็จะแสดงขึ้นมาให้เราเห็น
ขั้นตอนที่ 6 : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่

โดยปกติแล้วสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ออกจากกล่อง บริเวณขั้วแบตเตอรี่สีทอง นั้นไม่ควรมีรอยขีดข่วน หรือว่ามีสีอื่นๆ ปะปนนอกจากสีทอง รวมไปถึงรอยไหม้ หรือว่าจุดดำบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ทั้งในส่วนของตัวเครื่อง พร้อมทั้งส่วนของก้อนแบตเตอรี่
วิธีที่ 7 : ตรวจสอบอาการผิดปกติของเม็ดสีบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบนั้นจักมี 2 แบบ อย่างแรกคือ การตรวจสอบ Stuck Pixel เพราะว่าการตรวจสอบนี้หน้าจอแสดงผลต้องเป็นภาพที่ดำสนิท ตราบใดลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่แตกต่างไปจากสีดำ ซึ่งเม็ดสีที่เห็นนั้นจักมีทั้งสีน้ำเงิน, สีขาว และสีแดง อย่างที่สองคือการตรวจสอบ Dead Pixel เพราะว่าการตรวจสอบนี้ภาพหน้าจอต้องเป็นสีขาวสว่างพอสมควร จนกระทั่งลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่เป็นสีดำ กับถ้าเปลี่ยนภาพที่เป็นสีอื่นๆ ที่ไม่ใช้สีดำแล้ว เม็ดสีนั้นก็ยังคงเป็นสีดำอยู่เหมือนเดิน พร้อมทั้งผู้ใช้งานยังอาจจะตรวจสอบความผิดปกติของเม็ดสีด้วยแอปพลิเคชัน Pixel Test ไม่ก็เข้าโหมด Test Menu เพื่อทำการตรวจสอบได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 8 : เข้าเมนูตรวจสอบ (Service Test) ด้วยรหัสลับของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์
  
ถ้าท่านใดยังไม่ทราบ เรารอบรู้แข่งขันการใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ของตัวเครื่องได้ทั้งหมดภายในที่เดียว เพราะว่าที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม วิธีการก็คือให้ เราเข้าไปที่โหมดโทรออก แล้วพิมพ์รหัสลับเหตุด้วยตรวจสอบสมาร์ทโฟนเข้าไป ซึ่งรหัสเพื่อสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกันออกไปดังนี้
สมาร์ทโฟนซัมซุง (Samsung) ใส่รหัส *#0*#
                     
สมาร์ทโฟนโซนี่ (Sony) ใส่รหัส *#*#7378423#*#*
                     
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#*
                     
สมาร์ทโฟนแอลจี (LG) ใส่รหัส 3845#*รหัสรุ่น# ไม่ใช่หรือ กด 1809#*รหัสรุ่น#
                     
สมาร์ทโฟนออปโป้ (OPPO) ใส่รหัส *#808#
สมาร์ทโฟนเลอโนโว (Lenovo)  ใส่รหัส  ####1111#
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#* ไม่ใช่หรือ *#*#4636#*#*
สมาร์ทโฟนหัวเว่ย (Huawei) ใส่รหัส ##497613
สมาร์ทโฟนไอโมบาย (i-mobile) ให้กดปุ่มปิดเครื่องก่อน ครั้นเมื่อหน้าจอดับแล้วให้ กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) ด้วยกันปุ่ม Power ค้างไว้พร้อมกัน
ซึ่งรหัสของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์ข้างต้น จะเป็นรหัสเพื่อเข้าโหมดประลอง ไม่ใช่หรือ Service Test พร้อมทั้งมีเมนูย่อยเพื่อวัดใจการใช้งานขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจัก เป็นการตรวจสอบ Dead Pixel, การรับข้อผูกพันณ, ระบบสั่น, กล้องถ่ายภาพ, เซ็นเซอร์, ระบบสัมผัส, ลำโพง, ปุ่มกด กับอื่นๆ ซึ่งฟังก์ชันประลองต่างๆ จะมากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จะใส่มาให้มากน้อยขนาดไหน
 ขั้นตอนที่ 9 : ตรวจสอบแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบอาการแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล โหมโรงจากการเปิดกล้องดิจิตอลที่ด้านหลังของตัวเครื่องแล้วทำการนำมือทั้งสอง ข้างมาบังแสงรอบนอก พร้อมกับสังเกตตามขอบจอว่ามีแสงลอดออกมามาก หรือไม่น้อย เท่าใด ถ้าออกมามากจนเกินไป ผู้ใช้งานก็ทำเป็นแจ้งพนักงานเพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 10 : ตรวจสอบระบบสัมผัสของหน้าจอแสดงผล พร้อมทั้งปุ่มสัมผัส
การตรวจสอบระบบสัมผัสนั้นมีหลายวิธี เช่น การปัดหน้าจอไปซ้าย-ขวา หรือการปัดขอบหน้าจอด้านบน พร้อมกับด้านล่าง พร้อมทั้งประลองการแตะหน้าจอขณะเล่นเกม รวมไปถึงการแตะปุ่มควบควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ซึ่งจักอยู่ด้านล่างของหน้าจอ เพราะว่ากดปุ่มฟังก์ชัน (ไม่ใช่หรือปุ่ม Recent Apps), ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ประมาณการ 3-5 ครั้ง
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น